บทที่ 2 ยินดีที่ได้รู้จัก

เสียงเรียกมากมายเรียกให้ดู พร้อมกับเสียงกรี๊ดเบาๆ ของสตรีหลายคน ทำให้ฟางซินมองไปตามเสียงนั้น ทันใดนั้นเอง นางก็ได้เห็นเขาชัดๆ

ชายรูปงาม ขี้ม้าศึกสีดำ สวมเกราะเหล็กสีเงิน มวยผมรวบไว้ด้านหลัง ใบหน้าดั่งหยก จมูกเป็นสันชัดเจน ยิ่งมองด้านข้างยิ่งชวนตะลึง สายตาที่แน่วแน่ หากเพียงยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก คงจะทำให้สตรีรอบๆ เกิดอาการวิงเวียนได้ง่ายโดยแท้ ท่ามกลางผู้คนด้านล่างนั้น สิ่งเดียวที่เป็นจุดเด่นของหญิงสาวตอนนี้คือ ท่านแม่ทัพเฉิงผู้นี้

ฟางซินใจเต้นแรง สายตามองลงไปที่ท่านอ๋องเฉิงผู้นี้ ไม่กล้าละสายตา แม้บุรุษที่เคยเจอมาจะไม่มากก็จริง แต่หากด้วยบุคลิก และท่วงท่า หน้าตาแบบนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน นี่หน้าที่สวรรค์ปั้นมาใช่หรือไม่ นี่ข้า เป็นอะไรไป ทำไม ใจเต้นแรงแบบนี้ อาการแบบนี้ ข้าจะเป็นอันตรายหรือไม่ รู้เพียงว่า ไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย

เฉิงลี่หมิงมองไปรอบๆ ผู้คนมากมายที่ให้การต้อนรับ ผู้คนเหล่านี้ คือคนที่ข้าต้องปกป้อง พลังบริสุทธิ์ ส่งผ่านความห่วงใย ทุกครั้งที่ออกรบ

เขามักจะให้กำลังใจทหารทุกคนว่า เขาอยากจะพาทุกคนกลับบ้าน วันนี้คือวันที่ได้เห็น สายตาพลันเหลือบขึ้นไปเห็น สตรีที่อยู่ชั้นบน หลายคนมองลงมา ทั้งดอกไม้ที่โปรยมาจากทุกทิศทุกทาง

“เมืองหลวงนี้มีแต่สาวงามจริงๆ”

“เค้ามองข้าๆๆๆๆ”

ห้องข้างๆ ฟางซินตะโกน

“เจ้าเห็นมั้ย เค้ามองข้า เค้าเห็นข้าจริงๆ ข้าตื่นเต้นจนจะเป็นลมอยู่แล้ว”

ฟางซินและชุนเอ๋อ ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ไม่แปลกเลยที่จะมีอาการเช่นนี้

“แม่ทัพหน้าหยก อืม เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

ขบวนผ่านไปแล้ว บัดนี้น่าจะถึงวังหลวงแล้ว ได้เวลากลับจวนเสียที ก่อนที่ท่านแม่ (ฮูหยินเอก) จะหาเรื่องทำโทษข้า

เมื่อฟางซินกลับถึงจวน ในเรือนใหญ่นั้นดูแปลกกว่าทุกวัน ทำไมวันนี้ช่างวุ่นวาย บ่าวไพร่ สาวใช้ วิ่งสวนทางกัน ทั้งเข้า-ออก เกิดอะไรขึ้นกัน หรือที่จวนจะมีแขกมางั้นหรือ ชุนเอ๋อรีบเข้าไปสอบถาม

“อารุ่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ ที่จวนจะมีแขกรึ ทำไมช่างดูวุ่นวายกันเยี่ยงนี้”

“ฮูหยินใหญ่แจ้งว่า คืนนี้ทุกคนในจวนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวง ท่านเลยสั่งให้เตรียมของขวัญ ของกำนัล และเครื่องแต่งกายให้คุณหนูรอง วุ่นวายไปหมด ข้าต้องไปเตรียมน้ำให้คุณหนูรองอาบก่อน ไปนะ”

ว่าแล้ว สาวใช้เรือนใหญ่ก็รีบวิ่งไป งานเลี้ยงเหรอ งั้นก็ได้กินฟรีน่ะสิ เยี่ยมเลย ฟางซินคิดในใจ ทุกครั้งที่มีงานฉลองที่วังหลวง นางมักจะเพลิดเพลินกับอาหารทั้งคาว-หวานที่ในวังจัดสรรมาให้แขกในงานได้ลิ้มลอง

“ต้องไปหาท่านแม่รอง ไปกัน ชุนเอ๋อ”

“ท่านแม่รองเจ้าคะ”

ฟางซินเรียกฮูหยินรอง ลู่ถังซิน

“มาแล้วเหรอ ซินเอ๋อแม่นึกว่าเจ้าจะกลับมาไม่ทันซะแล้ว แม่ส่งเครื่องแต่งกายไปให้เจ้าที่ห้องแล้ว เจ้าก็รีบเตรียมตัว ยามอิ๋น(บ่าย 3-4 โมง) มาเจอกันที่โถงรับแขกนะ”

“ในวังหลวงมีงานฉลองอะไรหรือเจ้าคะ หรือฉลองที่แม่ทัพเฉิงปราบกบฏ ได้หรือเจ้าคะ”

ฮูหยินแปลกใจเล็กน้อย

“เจ้ารู้จักท่านอ๋องเฉิงด้วยหรือ”

“เปล่าเจ้าค่ะท่านแม่ เพียงแต่วันนี้ข้าได้ทันเห็นขบวนของท่านอ๋องเข้าเมืองมาเจ้าค่ะ เลยเดาว่าวังหลวงอาจจะจัดงานฉลองให้ท่านอ๋องผู้นี้เจ้าค่ะ”

ฮูหยินรองยิมให้นาง

“เจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง เจ้าไปเตรียมตัวเถิด เหลือเวลาไม่มาก เดี๋ยวจะไม่ทัน อย่าให้ผู้ใหญ่รอ”

“เจ้าค่ะท่านแม่” ฟางซินรับคำ และรีบกลับห้องเพื่อเตรียมตัวอย่างว่าง่าย

ณ ห้องโถงกลาง จวนแม่ทัพลู่

“ท่านแม่ ลูกว่า ปากลูกมันซีดไปหรือไม่เจ้าคะ ชุดนี้มันสีไม่เด่นไป หรือเครื่องประดับมันน้อยไปหรือไม่เจ้าคะ”

ลู่หนิงเซียนเฝ้าถามมารดาของนางเป็นรอบที่ 5 วันนี้นางใส่ชุดสีชมพู ประดับด้วยเครื่องเงินที่หรูหรา เครื่องประดับบนศีรษะล้วนประดับด้วยเงินและไข่มุกชั้นเลิศจากร้านเครื่องประดับชั้นนำ ที่สั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ

ปิ่นปักผมและต่างหูเข้าชุดกัน แต่งหน้าอ่อนๆ แต้มชาดที่แก้มสีชมพูเข้ม ปากทาชาดสีชมพูกลีบบัวช่างเข้ากับรูปปากเป็นกระจับของนางยิ่งนัก มองแล้วงดงามกว่าสตรีใด

“ท่านพี่ กับฟางซินทำไมยังไม่มาอีก ช้าตลอดเลย เสียมารยาทยิ่งนัก"

นางกล่าวแบบรำคาญ

“บ่นเป็นคนแก่เลยนะเซียนเอ๋อ เจ้ายังมิได้ออกเรือน บ่นเหมือนหญิงชราไปได้”

จินเยว่แหย่นาง

“ท่านว่าใครเป็นหญิงแก่ ท่านนี่ปากเสียซะจริง ถึงว่าล่ะ หาสตรีแต่งเป็นภรรยาไม่ได้สักที”

นางสวนกลับ

“พอแล้วๆ ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว เจ้า 2 คนพี่น้องจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยหรือไง”

ฮูหยินใหญ่ปรามทั้งคู่

“เยว่เอ๋อ ท่านแม่เจ้าล่ะ มารึยัง”

แม้ว่าฮูหยินใหญ่ ไม่ค่อยชอบฮูหยินรองนักก็จริง แต่นางรักและเอ็นดูบุตรชายคนเดียวของตระกูลดังบุตรของตนเลยทีเดียว

“มาแล้วขอรับท่านแม่ แม่รองไปรับซินเอ๋ออยู่ขอรับ”

“ต้องให้ผู้ใหญ่ไปรับ ไร้มารยาทอะไรเพียงนี้” หนิงเซียนกล่าว

“ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”

ไม่ต้องให้รอนาน ฟางซินพยุงฮูหยินรองมาพร้อมกัน ฟางซินในชุดสีขาวมีมุกประดับ ประดับเครื่องประดับมุกและทองเหลือง ซึ่งตัดกับสีชุดของนางได้อย่างหน้ามอง แต่งแต้มหน้าเพียงเล็กน้อย ชาดสีชมพูอ่อนบนริมฝีปากนั้น สีช่างเป็นธรรมชาติคล้ายดอกกุหลาบพันปีในวังหลวง

ผิวขาวราวไข่มุกของนาง ทำให้เครื่องหน้าและผมของนาง ราวกับส่องประกายออกมาจากตัวได้ หนิงเซียนกัดปากและบิดผ้าเช็ดหน้า ข้าเตรียมตัวตั้งแต่เช้าเพื่องานเลี้ยงนี้ ทำไมต้องมาแต่งตัวแข่งกับข้า เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่ นางคิดในใจ

“ไปกันได้แล้ว”

ลู่ต้าตงเอ่ย รถม้า 2 คัน ออกจากจวนแม่ทัพ มุ่งหน้าไปยังวังหลวง

……วังหลวง …..

ห้องโถงใหญ่ สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และสำหรับเลี้ยงฉลองในโอกาสต่างๆ บัดนี้ได้ตกแต่งอย่างงดงามสำหรับงานฉลองครั้งนี้

“ท่านแม่ทัพลู่ ท่านมาแล้ว ยินดีๆ มาๆ ทางนี้ๆ”

ใต้เท้าซูหมิง เสนาบดีกรมคลัง รอต้อนรับอยู่

“ดีใจที่ได้พบท่านนะท่านซู มานานแล้วหรือ” แม่ทัพลู่ทักทาย

“สักพักแล้วๆ มาๆ ข้าแนะนำให้รู้จัก บุตรชายข้า ซูเผิง เค้าพึ่งได้รับราชการปีนี้ เข้ากรมคลังเหมือนข้า นี่แม่ทัพลู่ต้าตง แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นเรา”

ซูเผิง “คารวะแม่ทัพลู่ขอรับ”

ลู่ต้าตง “ท่านยกย่องเกินจริงไปแล้ว ใต้เท้าซู ข้ามิกล้ารับหรอก สวัสดีนะหลานชาย”

ซูหมิง “มิได้ๆ”

“ข้าแนะนำให้รู้จัก ฮูหยินทั้ง 2 ของข้า ลู่เหลียน และลู่ถังซิน และลูกๆ ของข้า จินเยว่ หนิงเซียน และ ฟางซิน”

“คารวะใต้เท้าซู”

ทั้ง 3 คำนับ ซูเผิงเงยหน้าตาม ตกตะลึงเมื่อเจอหญิงงามทั้ง 2 ตรงหน้า โลกนี้ยังมีหญิงงามขนาดนี้อยู่เหรอ พวกนางมาจากเมืองเซียนหรือเปล่า ช่างงามจริงๆ

“ดูลูกชายข้าสิ ไม่ทันไรก็อึ้งกับความงามไปเลย ใต้เท้าลู่โปรดอภัย อย่าถือสา”

ใต้เท้าซูรีบแจง

“เรื่องของหนุ่มสาว ย่อมเป็นธรรมดา ฮ่าๆๆท่านอย่าได้คิดมากไป เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”

“ใต้เท้าลู่ เชิญก่อนเลย เชิญๆ ”

ซูหมิงกล่าว พร้อมเดินตามคณะของตระกูลลู่เข้าไป

“นั่นเขาหรือ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป